วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

การสระผมอย่างถูกวิธี

การสระผมอย่างถูกวิธี
ขั้นแรกแนะนำให้หวีผมก่อน เพราะจะทำให้เส้นผมไม่พันกันระหว่างสระ ช่วยลดการขาดของเส้นผมได้แล้วค่อยชำระล้างสิ่งสกปรกจากฝุ่น ควัน ผง ที่เส้นผมได้ไปสัมผัสมาตลอดทั้งวัน โดยการล้างด้วยน้ำสะอาดให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงค่อยใช้แชมพู ปริมาณในการใช้ไม่ต้องมาก เพราะจะทำให้ล้างออกยาก และอาจตกค้างที่หนังศีรษะจนแพ้หรือเป็นรังแคได้ ให้เทลงบนฝ่ามือ อย่าเทโดยตรงลงบนผม เพราะเนื้อแชมพูที่เข้มข้นอาจเกาะอยู่ตามหนังศีรษะและเส้นผม ทำให้ล้างออกยาก และเสี่ยงต่อการตกค้างได้ ให้กะปริมาณดังนี้ ผมสั้นปริมาณในการใช้ประมาณเหรียญบาท ผมประบ่าเหรียญห้าบาท แต่ถ้าผมยาวมากให้แบ่งเป็น 2 ตอน คือโคนผมและปลายผม ปริมาณของแต่ละส่วนเท่ากับเหรียญสิบ แล้วขยี้แชมพูลงบนฝ่ามือสักครู่จนเกิดฟอง
ให้นำฟองแชมพูไปขยี้เบา ๆ ให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ ให้ใช้ปลายนิ้วทั้งห้ากดนวดเบา ๆ ให้ทั่ว อย่าเกา เพราะอาจทำให้หนังศีรษะเป็นแผล และเป็นการกระตุ้นรังแคด้วยใช้เวลาในการสระตามที่ฉลากข้างขวดกำหนด หรือถ้าไม่ระบุ ให้ใช้ประมาณ 5 นาที การ ทิ้งไว้นานเกิน 5 นาทีโดยไม่ได้ล้างออก อาจเป็นผลเสียได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตมาสำหรับการหมักผม ถ้าทิ้งไว้นานเกินไป จะทำให้แพ้ ผมร่วง และเป็นรังแคได้เสร็จแล้วล้างแชมพูออกให้สะอาด ไม่มีฟองตกค้าง ถ้ามีเวลาควรสระผม 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรก ส่วนครั้งที่สองเป็นการบำรุงเส้นผม เสร็จแล้วใช้ครีมนวดผม โดยปริมาณในการใช้ก็เท่ากับการใช้แชมพู นำไปชโลมให้ทั่วเส้นผม แล้วใช้มือลูบผมจากโคนถึงปลาย เพื่อให้ครีมนวดซึมทั่วผมทั้งเส้น ให้เน้นที่ปลายเป็นพิเศษ นวดหนังศีรษะด้วยปลายนิ้วเบา ๆ และทิ้งไว้สักครู่ตามที่ฉลากกำหนด หรือประมาณ 1-2 นาที แล้วล้างออกให้สะอาดหมดจดเช่นเดียวกัน
เมื่อทำความสะอาดเส้นผมเรียบร้อยแล้วให้ใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ ซับน้ำ แล้วเช็ดเบา ๆ ลูบจากด้านบนลงด้านล่าง ในทิศทางเดียวกับเส้นผม อย่า ขยี้ เพราะการขยี้เป็นสาเหตุหนึ่งของผมร่วงและพันกัน รวมถึงทำให้ผมยุ่งไม่เป็นทรงเมื่อแห้งแล้วด้วย จากนั้นถ้ามีเวลา ควรปล่อยให้ผมแห้งเองตามธรรมชาติ ไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมบ่อย ๆ เพราะอาจเป็นสาเหตุของผมแห้งเสียได้ และไม่ควรนอนในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ เพราะอาจเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ และจัดทรงยากอีกด้วย อีกข้อที่ไม่ควรทำเวลาผมเปียกคือการหวีผม เพราะจะทำให้เส้นผมขาดและหลุดร่วงได้ง่าย

การกำจัดผมแตกปลาย

การกำจัดผมแตกปลาย
ผมแตกปลายไม่สามรถซ่อมแซมให้กลับมาสุขภาพดีเหมือนเดิม เมื่อผมแตกปลายเกิดขึ้น ต้องตัดผมส่วนนั้นทิ้งเท่านั้น โดยการตัด ต้องตัดผมขึ้นมาเหนือจากส่วนที่แตกปลายประมาณ 1/4 นิ้วเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผมแตกปลายหรือผมเปราะง่ายในบริเวณนั้น อย่างไรก็ตามผมอาจจะกลับมาแตกปลายอีก หากบำรุงรักษาไม่ดี

การป้องกันผมแตกปลาย

- เล็มผมทุก 6 8 สัปดาห์
- เช็ดผมเบาๆหลังสระผม โดยบีบผมให้น้ำไหลออก แล้วใช้ผ้าขนหนูซับผมเบาๆ ไม่ควรขยี้ผม
- ขณะที่ผมเปียก ให้ใช้หวีซี่ห่างๆ หวี ไม่ควรใช้แปรงหวีผม
- ไม่แปรงผมบ่อยเกินไป เพื่อป้องกันผมขาด
- ใช้ครีมนวดบำรุงผมทุกครั้งหลังสระผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนปลายผมที่น้ำมันจากหนังศรีษะไปบำรุงไม่ถึง
- ใช้ทรีทเม้นท์บำรุงผมอย่างล้ำลึกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- หลีกเลี่ยงการย้อมผม ดัดผม หรือยืดผมบ่อยเกินไป หากจำเป็นต้องใช้สารเคมีเหล่านี้ ควรเว้นระยะไว้ 8 สัปดาห์ก่อนทำครั้งถัดไป
- หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมโดยใช้ความร้อน หากจำเป็นต้องใช้ ควรบำรุงด้วยเซรั่มหรือลีฟออนใส่ผมหลังสระที่มีส่วนผสมของสารป้องกันความร้อน หลังจากนั้นจึงใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผม
- หากต้องออกไปเจอแดดแรงๆ ควรใช้เซรั่มหรือลีฟออนที่ผสมสารกันแดด
- ใช้ที่มัดผมแบบเป็นผ้ายืด หรือยางสำหรับรัดผมโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการใช้หนังยาง
- สวมหมวกเพื่อปกป้องผมจากแสงแดด
 

สาเหตุของผมแตกปลาย

สาเหตุของผมแตกปลาย
ผมแห้ง เป็นสาเหตุของผมเสีย ผมเสียจะอ่อนแอ เปราะบางและขาดง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนปลายผมที่น้ำมันจากหนังศีรษะเข้าไปบำรุงไม่ถึง
- การแปรงผมและยีผมบ่อยเกินไปคืออีกสาเหตุที่ทำให้ผมขาดและแตก
- การย้อมผม ยืดผมหรือดัดผมบ่อยเกินไป สารเคมีในน้ำยาย้อมผม ยืดผมและดัดผมดึงความชุ่มชื้นออกจากเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสีย
- การแปรงผมในขณะที่ผมยังเปียกเช่น หลังสระผมหรือเวลาโดนฝน ทำให้ผมฉีกขาดได้ง่าย เพราะผมเปียกอ่อนแอกว่าผมที่แห้งแล้ว
- การใช้หนังยางรัดผม
- การใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเช่น ไดร์เป่าผม เครื่องยืดผมหรือม้วนผมไฟฟ้า บ่อยเกินไปทำให้ผมอ่อนแอ แห้ง และเปราะบาง
- การโดนแดดมากเกินไป เพราะความร้อนและแสงแดดดึงความชุ่มชื้นออกจากเส้นผม

การโกรกผมคืออะไร?มีคำตอบ!!

การโกรกผม คือ
เส้นผมบนศีรษะ ควรเป็นสีดำตามเผ่าพันธุ์ของคนไทย ถ้าโกรกผม ย้อมผม เปลี่ยนสีเป็นสีอื่น จะมีผลต่อหัวใจ ทำให้หัวใจไม่แข็งแรงเพราะสีดำจะช่วยกรองคลื่นความถี่ที่ทำร้ายหัวใจ และถ้าใช้ยาสระผม ยาย้อมผม รวมถึงการทาปาก เขียนคิ้ว ทาเล็บ ที่มีสารเคมีเจือปนอยู่ สารเคมีเหล่านี้จะซึมผ่านเข้าชั้นผิวหนังไปถึงเส้นเลือดฝอย แล้วส่งไปสะสมที่ตับโดยตรง
ควรหานน้ำยาที่เป็นสมุนไพรไร้สารเคมีมาใช้กับผิวหนังจะดีที่สุด ถ้าใช้สารเคมีบ่อย ตับก็จะสะสมเคมีไปตลอดชีวิต เป็นเหตุให้เจ็บป่วยได้หลายประการ เช่น ปวดใต้เข่าร้าวไปถึงส้นเท้า ขาไม่มีแรง ปวดที่น่องร้าวไปถึงฝ่าเท้า ผมร่วง
เมื่อสารเคมีตกค้าง มันจะส่งผลโดยตรงกับสมองส่วนหลังซึ่งมีหน้าที่คุมแขน ขา เมื่อมีสารเคมีตกค้างที่สมองส่วนกลางแถวๆกระหม่อมจะมีผลต่อสมองส่วนที่เก็บความจำ มีผลต่อการย่อยอาหาร ท้องจะอืด ท้องเฟ้อ ง่วงนอนบ่อย หาวนอน นั่งรถก็หลับ ป่วยเรื้อรัง
ควรจะทำการดึงสารพิษที่หนังศีรษะและใบหน้า ใช้เห็ดสามอย่างปรุงอาหารทานเพื่อล้างสารพิษที่ตับเป็นประจำ กินขมิ้นชันก่อนนอนเพื่อขับไขมันในตับ กินหัวไชเท้าปรุงอาหาร เพื่อล้างสารพิษในกระแสเลือด ใช้แชมพูสระผมสมุนไพร การใช้ยาย้อมผมและยาสระผมที่มีสารเคมีกับหนังศีรษะ ก็เท่ากับทำร้ายตับโดยตรง


 

ผมสวยเงางามด้วย 10 วิธีบำรุงผมง่าย ๆ

1. หมักผมด้วยทรีทเม้นท์ หรือครีมบำรุงล้ำลึกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่อย่าลืมว่าผลิตภัณฑ์นั้นต้องเหมาะสมกับสภาพผมคุณด้วยนะ
2. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมหลายชนิดเกินไป เพราะผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเซรั่ม ทรีทเม้นท์แบบลีฟออน สเปรย์ปกป้องผม หรือเจลแต่งผมสารพัด เพราะนอกจากมันจะหมักหมมเป็นชั้น ๆ บนเรือนผม เป็นกับดักฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดีแล้ว มันยังล้างออกได้ยากอีกด้วย การใช้ผลิตภัณฑ์หลังสระผมควรไม่เกิน 2 ชนิดก็เพียงพอแล้วค่ะ
3. หมักผมด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ อย่างสูตรมายองเนสปั่นสตรอเบอร์รี่ กำลังเป็นที่ฮอตฮิตในหมู่สาว ๆ ตะวันตกเลยล่ะ โดยวิธีทำก็แค่นำสตรอเบอร์รี่มาปั่นกับมายองเนส 1 ช้อน จากนั้นหมักผมไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วล้างออก จะค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพผมชี้ฟูให้เงางามขึ้นได้

4. เวลาสระผม ให้ล้างผมในขั้นตอนสุดท้ายด้วยน้ำเย็น เพื่อเป็นการปิดเกล็ดผม
5. หากไม่มีเวลาหมักผมด้วยทรีทเม้นท์ คุณสามารถบำรุงผมง่าย ๆ ด้วยการผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนเข้ากับน้ำอุ่น 4 ถ้วย แล้วราดลงบนเรือนผม จากนั้นล้างเล็กน้อย (เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) จะทำให้ผมเงางามได้ค่ะ
6. ทานธาตุเหล็ก ไม่ว่าจะจากผักผลไม้ หรืออาหารประเภทอื่น ๆ เพราะอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กนั้น มีส่วนช่วยในการบำรุงผมโดยตรงค่ะ
7. เลือกแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอี มันสามารถเปลี่ยนผมเสียให้เป็นผมสวยได้ดีเลยล่ะ!
8. หลีกเลี่ยงการเป่าผมด้วยความร้อน เพราะจะเป่าความชุ่มชื้นและความเงางามของเรือนผมออกไปด้วย ทำให้ผมแห้งเสียได้ง่าย ดังนั้น หลังสระผมสาว ๆ ควรหันมาใช้พัดลมเป่าจะดีกว่า
9. น้ำมะนาว หรือเลมอน นำมาผสมกับน้ำแล้วชโลมบนเรือนผมทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออก
10. ดื่มน้ำมาก ๆ น้ำเป็นสิ่งที่เต็มเติมทุก ๆ อย่างในร่างกายอยู่แล้ว ดังนั้นผมก็เช่นกันค่ะ ถ้าหากคุณดื่มน้ำเพียงพอแล้ว สุขภาพผมก็จะพลอยดีไปด้วย 

การดูแลผมดัด

การดูแลผมดัด
1.ไม่สระผมภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังการดัดหมาดๆ
2.เมื่อเลยกำหนดเวลา ใช้แชมพูและครีมนวดสูตร เฉพาะผมดัดเท่านั้น
3.หวีผมด้วยหวีซี่ห่าง ไม่ควรใช้แปรงแปรงผมเด็ดขาด ทางที่ดีใช้นิ้วมือช่วยจัดแต่งทรงให้เข้าที่เข้าทางก็เพียงพอ
4.ผมเปียกควรซับให้แห้ง เพราะความเปียกสามารถทำให้เส้นผมยืดตัวได้
5.หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับการดัดผม ปล่อยให้เส้นผมแห้งเอง
6.ใช้เซรั่มลดความพองฟู หรือใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งเส้นผมแบบ Super Hold ประเภทแว็กซ์ หรือโลชั่นลูบผมช่วยให้อยู่ทรงและจัดลอนได้สวยงาม
7.ใช้ไดร์เป่าผมให้เสยไปข้างหลัง แล้วใช้นิ้วมือเสยผมจนผมหยิกเริ่มคลายลอน ใช้น้ำมันใส่ผมหรือแฮร์โค้ต ชโลมเบาๆ จะได้ผมทรงใหม่เป็นลอนสวย ไม่หยิก
8.ควรนวดหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและการผลิตไขมัน
9.ใช้สเปรย์เพิ่มวอลลุ่มเส้นผม
10.ผมลอนใหญ่จัดทรงยาก ใช้มูสชโลมผมที่เปียกหมาดๆ แสกผมแล้วแบ่งผมเป็นช่อ ม้วนโรลขนาดใหญ่ ทิ้งไว้ให้แห้ง ใช้นิ้วจัดแต่งทรง

เทคนิคการดูแลผมยืด

1. ผมยืดไม่ควรใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันอื่นๆ หมักผมคะ

2. หากคุณรัดผมแน่นๆ เช่นรัดด้วยยาง หรือติดกิ๊บแน่นๆ แล้วผมเป็นรอย สระก็ไม่หาย ให้เอาครีมหมักผมหมักด่วนๆ เลยค่ะ ตอนชะโลมลงไปให้เน้นตรงที่มันเป็นรอยหัก หรือรอยพัก รอบกิ๊บ ทาเน้นๆๆๆ อย่างนั้นแล้วหมักสักชั่วโมงหนึ่ง ทีนี้ออกมาหายสนิทแน่นอนค่ะ

3. ผมยืด อย่าไปซอยสไลด์ปลายบางๆ นะคะ เสียหมดค่ะ จะฟู ไม่อยู่ทรง ที่ยืดมาเป็นอันสูญเปล่า

4. ถ้าคุณยืดผมมาแล้วรู้สึกว่าไม่ตรง เพราะผมคุณยาวประมาณช่วงไหล่ หรือก่อนกลางหลัง (ช่วงที่เป็นตูดเป็ดได้น่ะค่ะ) ให้ใช้วิธีแก้โดยการ "ก้มหัวไดร์" ค่ะ คือก้มหัวแล้วเอาไดร์เป่าผมเป่าจนแห้ง แนะนำให้เป่าแบบธรรมดาพอหมาดๆ ก่อนค่อยก้มนะคะเป่าต่อ

5. สำหรับคุณๆ ที่ยืดมาแล้วรู้สึกว่าวมันลีบๆ ก็ใช้วิธีเดียวกับข้อ 4 คือก้มหัวเป่าแห้งเอา แก้ปัญหาได้ค่ะ

ดูแลผมสวย ทั้งก่อนและหลังทำสีผม

ก่อนทำสี
1.บำรุงผมล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการหมัก หรือทรีตเม้นต์ จะช่วยลดความเสียหายของเส้นผมที่เกิดจากการทำสีได้

2.ก่อนทำสีผมประมาณหนึ่งอาทิตย์ ให้หมักเส้นผมเพื่อเสริมความแข็งแรง และเป็นการช่วยให้สีผมที่ติดนั่นดูสม่ำเสมอตลอดเส้น
3.ไม่ควรสระผมก่อนวันไปทำสีผม เพราะน้ำมันธรรมชาติที่อยู่ในเส้นผมจะถูกน้ำกับแชมพูชะออกไปบางส่วน นอกจากนั้นในแชมพูและคอนดิชันเนอร์ส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีสารบำรุง และปกป้องผม และอาจมีผลข้างเคียงทำให้น้ำยาเปลี่ยนสีผมทำงานได้ไม่เต็มที
หลังทำสี
1.เลือกใช้แชมพูและคอนดิชันเนอร์สำหรับผมที่ผ่านการทำสีโดยเฉพาะ

2.ควรหาหมวกหรือใช้ร่ม เมื่อต้องอยู่กลางแสงแดด หรืออาจใช้น้ำมันบำรุงที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดด ทาเคลือบป้องกันทุกครั้ง เพื่อเป็นการถนอมสีผมไม่ให้ซีดจาง และอาจทำให้ผมแห้งกรอบง่ายอีกด้วย
3.บำรุงผม หรืออบไอน้ำอย่างน้อยเดือนละครั้ง
4.หลีกเลี่ยงการหวีผมในขณะที่ผมยังเปียก หากจำเป็นควรใช้หวีที่มีลักษณะซี่ห่าง
5.เมื่อสระผม ควรปล่อยให้ผมแห้งเองตาธรรมชาติ หากต้องเป่าผมให้เลือกลมเย็น หลีกเลี่ยงการเป่าด้วยลมร้อน
6.ไม่ควรเช็ดผมในลักษณะขยี้ด้วยความแรง ให้ใช้ผ้าสะอาดค่อย ๆ ซับเบา ๆ เพื่อป้องกันการฉีกขาดของเส้นผม

สารพัดวิธีหมักผมจากธรรมชาติ

สารพัดวิธีหมักผมจากธรรมชาติ
สาวผมแห้ง ปัญหาใหญ่ของสาวผมแห้งคงจะหนีไม่พ้นสภาพผมที่แห้งพันกันยุ่งเหยิง โดยเฉพาะเวลาโดนลมหนัก ๆ เข้าหน่อยก็หวียากซะแล้ว
ดังนั้น การหมักผมที่ดีที่สุดก็ควรจะใช้น้ำมันหมักค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา หรือน้ำมันมะกอก โดยหมักทิ้งไว้ก่อนสระผมประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วนวดให้น้ำมันซึมเข้าสู่เส้นผม เสร็จแล้วล้างออก ทำอย่างนี้เป็นประจำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และหลีกเลี่ยงการไดร์ผมอย่างเด็ดขาดจะดีที่สุดค่ะ เพราะยิ่งทำให้ผมแห้งเข้าไปใหญ่
สาวผมแตกปลาย สำหรับสาว ๆ ที่มีผมแตกปลาย ให้นำไข่แดงมาตีเข้ากับน้ำส้มสายชู หรืออาจผสมน้ำส้มสายชูลงในแชมพูซัก 1 ช้อนโต๊ะก็ได้ จากนั้นให้สระผมแล้วนวดให้ทั่วโดยเฉพาะบริเวณปลายผม น้ำส้มสายชูจะช่วยให้เส้นผมคุณเงางามขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ วิธีนี้สามารถทำได้ทุกวันค่ะ
สาวผมมัน สำหรับสาวผมมัน ให้คุณใช้ไข่ขาวผสมกับน้ำอุ่นดูค่ะ โดยผสมไข่ขาว 1 ฟองกับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากัน หลังจากนั้นนำไปชโลมให้ทั่วศีรษะ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้สระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผมจะค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ
สาวที่มีปัญหารังแค น้ำมันมะพร้าวเป็นกุญแจสำคัญเลยล่ะค่ะ เพราะมันจะทำให้รังแคบนหนังศีรษะของคุณค่อย ๆ หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับวิธีการหมักผมนั้น ให้คุณใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย ชโลมผมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงหรือหากเป็นวันหยุดก็สามารถหมักไว้ทั้งวันได้ ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้งจะทำให้ปัญหารังแคบนหนังศีรษะของคุณค่อย ๆ หายไป และยังช่วยให้ผมคุณมีน้ำหนักขึ้นอีกด้วยค่ะ
สาวผมเสีย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีผมเสียอย่างหนักไม่ว่าจากการดัด ทำสี ย้อม ยืด ก็ตาม ใจเย็น ๆ ค่ะ สมุนไพรที่นำมาหมักผมนั้นอาจจะเยอะหน่อยแต่รับรองว่าได้ผลเลยทีเดียว สำหรับสาวผมเสียนั้น ให้คุณหมักผมได้วันเว้นวันโดยใช้วัตถุดิบในการหมักผมที่ต่างกันไป 
โดยแบ่งเป็น 2 สูตร ดังนี้ สูตรแรก ให้คุณใช้ไข่แดงผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก ผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วสระตามปกติ จากนั้นให้เว้น 1 วัน ก่อนจะใช้สูตรที่สองคือ น้ำมันงา หรือน้ำมันมะพร้าวและไข่แดง ผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้นาน ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำอย่างนี้ไม่เกิน 2 สัปดาห์คุณจะเริ่มเห็นผลค่ะ

แก้ปัญหาผมชี้ฟูดูไร้น้ำหนักในหน้าร้อน ด้วยเคล็ดไม่ลับทั้ง 3 นี้

แก้ปัญหาผมชี้ฟูดูไร้น้ำหนักในหน้าร้อน ด้วยเคล็ดไม่ลับทั้ง 3 นี้
1. หมั่นใช้คอนดิชันเนอร์ทุกครั้งหลังสระในช่วงหน้าร้อนแบบนี้อากาศแห้ง ความชุามชื่นในเส้นผมของคุณผู้หญิง ก็สามารถถูก อากาศแห้งๆ เหล่านี้ดูดเอาไปซะหมด ดังนั้นผมที่เคยดูสุขภาพดีก็เริ่มจะชี้ฟูออกลายขึ้นมาทันที ดังนั้นเพื่อป้องกันหรือแก้ปัญหาผมชี้ฟูที่อาจเกิดขึ้นได้ ในช่วงหน้าร้อนนี้ วีซ่าขอแนะนำให้คุณผู้หญิง
ป้องกันด้วยการใช้คอนดิชันเนอร์ทุกครั้งหลังสระผม เพื่อช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นในเส้นผมจากแสงแดดและความร้อนในอากาศ นอกจากนี้การบำรุงเส้นผมด้วยคอนดิชันเนอร์เป็นประจำ ยังจะช่วยให้ผมของคุณผู้หญิงนุ่มและมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยนะคะ


2. เลือกแชมพูให้เหมาะกับสภาพผมของ
สภาพผมของแต่ละท่านต่างกัน คุณผู้หญิงบางท่านอาจจะมีผมเส้นหนา บาง เล็กใหญ่ แห้ง ดัด ทำสี แตกต่างกันไปเพราะสภาพเส้นผมไม่เหมือนกัน ดังนั้นคุณผู้หญิงควรใส่ใจกับการเลือกใช้แชมพู หรือ ผลิตภัณฑ์การดูแลผมให้เหมาะกับสภาพเส้นผมของคุณผู้หญิงเอง เพื่อให้ผมได้รับการดูแลอย่างตรงจุด และขจัดทุกปัญหาของเส้นผม

3. กินอาหารให้ถูก เพื่อบำรุงผม
การบำรุงผมของคุณผู้หญิงนั้น บางทีแค่การบำรุงผมด้วยผลิตภัณพ์บำรุงผมอาจไม่เพียงพอ วีซ่าขอแนะนำให้คุณผู้หญิง เลือกกินอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมด้วยค่ะ โดยเลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 โปรตีน และ นอกจากนี้ลองเลือกทานผลไม้เหล่านี้ด้วย คือ อะโวคาโด หรือกล้วยหอม เพราะในผลไม้เหล่านี้นั้นมี คุณสมบัติช่วยบำรุงเส้นผมของคุณผู้หญิงให้มีสุขภาพดีไม่อยากเจอปัญหาผมชี้ฟู ดูไร้น้ำหนักในหน้าร้อน ก็ลองนำเคล็ดลับทั้งสาม ข้อนี้ลองทำตามกันดูนะคะ เพื่อที่คุณผู้หญิง จะได้มีผมนุ่มสลวย ไม่แห้งชี้ฟูพันกันจนไม่น่ามอง และรับรองซัมเมอร์ไหนๆ ก็ผมก็นุ่มสลวยดูดีแน่นอนค่ะ
 

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีแก้ปัญหาผมแตกปลาย

ผมแตกปลาย เกิดขึ้นเมื่อชั้นของเซลล์ของเส้นผมแตกแยกตัวออกจากกัน  ครีมนวดผม (conditioner) จะทำให้เส้นผมที่แตกปลายกลับมาสมานกันได้เพียงชั่วคราวเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง หรืออย่างมากก็แค่ไม่กี่วัน โดยทั่วไปเมื่อสระผมครั้งต่อไปผมก็จะแตกปลายอีก จึงต้องใช้ครีมนวดผมอย่างม่ำเสมอ
วิธีใช้ครีมนวดผม คือ ใช้หลังสระผมแล้วชโลมครีมนวดผมทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วล้างออก หรือครีมนวดผมอีกแบบที่ใช้หลังสระผมโดยซับผมให้หมาดๆ แล้วชโลมครีมทิ้งไว้เลยโดยไม่ต้องล้างออก นอกจาหลังสระผม อย่าขยี้ผมแรงๆ ให้ใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับผมให้แห้ง อย่าหวีผมหรือแปรงผมขณะที่ผมยังเปียกอยู่ ถ้าจะใช้เครื่องเป่าผมก็อย่าตั้งอุณหภูมิสูง เพราะจะทำลายเส้นผมทำให้ผมแตกปลายได้ง่ายขึ้น อย่าย้อมผม ดัดผม ยืดผมบ่อยเกินไปเพราะทำให้เส้นผมแตกปลายได้ง่าย โดยทั่วไปเส้นผมของคนเราหลังตัดครบ 1 เดือนจะเริ่มยาวไม่สม่ำเสมอ และมีผมแตกปลาย ดังนั้นการไปพบช่างตัดผมอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้เรือนผมดูสวยงามอยู่เสมอนะครับ วิธีแก้ไขผมแตกปลายที่ดีที่สุดก็คือตัดส่วนปลายผมที่แตกปลายออก ดังนั้นคนที่ไว้ผมสั้นจะมีปัญหาเรื่องผมแตกปลายน้อยกว่าคนที่ไว้ผมยาว
วิธีแก้ผมแตกปลาย 
      อันดับแรกที่ต้องเริ่มทำก่อน คือ เล็มผมที่แตกปลายออก สัก 2-3 เซนติเมตร เมื่อเล็มผมที่แตกปลายอกไปหมดแล้ว จึงค่อยมาเริ่มต้นดูแล และบำรุงกันผมกันใหม่
สูตรตะไคร้

      ใช้ตะไคร้สัก 3-4 ต้นแล้วแต่ว่าผมสั้นหรือยาว บดหรือปั่นผสมน้ำ น้ำที่ได้หากเป็นน้ำข้นๆ จะยิ่งดี ระวังอย่าให้น้ำเยอะเกินไป สระผมให้สะอาด 1 ครั้ง ซับให้แห้งแล้วนำน้ำตะไคร้มานวดเส้นผมให้ทั่วทิ้งไว้สัก 10 นาทีจึงล้างและสระผมใหม่อีกครั้ง ไม่นานผมก็จะสวยเหมือนเดิม
สูตรเบบี้ ออยล์
      นำเบบี้ออยล์ที่มีลักษณะเป็นน้ำมันใสๆ มาตั้งไฟอุ่นให้ร้อนพอประมาณ จากนั้นนำมาชโลมผมที่แห้งพอหมาดๆ แล้วคลุมทับด้วยหมวกอาบน้ำ หรือไม่ก็ผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ  ว่ากันว่าความร้อนจะช่วยในการเปิดเกล็ดผมทำให้น้ำมันสามารถซึมลึกสู่ภายในเส้นผมได้มากขึ้น แต่ทางที่ดีควรจะทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป จากนั้นจึงค่อยสระผมตามปกติ ทำเช่นนี้เพียงอาทิตย์ละ 1 วันติดต่อกันไปเรื่อยๆ จะพบว่าผมที่ยาวขึ้นมาใหม่จะไม่แตกปลายอีกแล้ว

10 วิธีดีท็อกซ์ผม

1. เพิ่มพลังด้วยวิตามินเส้นผมต้องการวิตามินอย่าง เอ อี และบี 5 รวมทั้งเคราติน และเชียบัตเตอร์ในการขจัดสารตกค้าง เพื่อความเงางามด้วยการล็อค และความเป็นประกายของเส้นผมไว้ทำให้ผมดูสุขภาพดีในบัดดลถือเป็นการรีเฟรชและเพิ่มพลังให้เส้นผม ขอแนะนำผู้ช่วยขวดจิ๋วที่มาในรูปของสเปรย์ซึ่งจะช่วยขจัดสารตกค้างที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมากเกินไป Richard ward’s vitamin rush shine spray

2. มาสก์ผมกันหน่อยถ้าอยากให้ผมสุขภาพสมบูรณ์ สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้สารอาหารแก่เส้นผม และหนังศีรษะ การมาสก์ผมคือทรีตเม้นท์ที่เห็นผลที่สด ควรหมักผมสัปดาห์จะหนึ่งครั้ง ตอนที่ผมยังขึ้นอยู่ด้วยการนวดเนื้อครีมให้ซึมซาบทั่วศีรษะแล้วใส่หมวกคลุมอาบน้ำทับไว้ สำหรับมาสก์หลอดข้าง ๆ ที่เห็นนี้สามารถทิ้งไว้ได้นานถึง 12 ชั่วโมง ขึ้นกับว่าเส้นผมคุณเยินขนาดไหน จากนั้นก็ล้างออก สระผม ตามด้วยครีมนวด เป็นอันเสร็จ ง่าย ๆ แค่นี้เอง!

3. เซย์โนกับสารซัลเฟตเราแน่ใจว่าคุณต้องรู้สึกคุ้น ๆ กับคำนี้พอประมาณ อะไรทำนองซัลเฟต ซัลฟูริก แอซิด แล้วตกลงมันคืออะไรล่ะ? พูดง่าย ๆ ก็คือ ซัลเฟตทำให้แชมพูมีฟองเพิ่มขึ้น และในเมื่อเรามักจะเชื่อมโยงฟองที่มากล้นกับความสะอาด พอใช้แชมพูที่ไม่ค่อยมีฟองก็รู้สึกแม่ง ๆ เหมือนมันไม่สะอาด ซึ่งนั่นไม่จริงเลย แชมพูที่ไม่มีซัลเฟตจะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมระคายเคืองน้อยลง แถมสรรพคุณเรื่องความสะอาดก็ไม่เป็นรองใครด้วย

4. ใช้ความร้อนพอประมาณไม่ใช่หลังออกกำลังกายเท่านั้นที่ร่างกายต้องคูล ดาวน์ ถ้าทำถูกวิธี การจัดทรงด้วย ความร้อนสามารถทำให้เส้นผมที่อ้วนเรียบได้และผมตรงหยิกได้ แต่พวกเราส่วนมาก มักใช้อุณหภูมิในการทำผมสูงเกิน 200 องศาเซลเซียส ซึ่งนั่นทำลายเส้นผม จำไว้ว่ายิ่งผมคุณเส้นเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้ความร้อนในการจัดทรงผมต่ำขึ้นเท่านั้น

5. ผ่อนคลายการนวดศีรษะทำให้ผู้หญิงเราผ่อนคลายได้ อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ใครจะมีเงินไปนวดบ่อยๆ ล่ะ เราก็เลยไปขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องการนวดให้มาบอกวิธีหน่อย ซึ่งก็ไม่ยากใช้ปลายนิ้วกลางและนิ้วนางสำหรับจุดที่ต้องการกดหนัก ๆ ส่วนบริเวณขมับนวดวนเป็นวงกลมเบาๆ รวมทั้งท้ายทอยและต้นคอด้วย พยายามนวดให้หนังศีรษะขยับไม่ใช่ขยับแต่ปลายนิ้วเพื่อให้นวดได้ลึกขึ้น

6. แปรงธรรมชาติดีที่สุดถ้าคุณชอบแปรงผมก็ขอแนะนำให้ลงทุนซื้อแปรงขนธรรมชาติดี ๆ สักอัน เพราะมันทำอันตรายต่อเส้นผมน้อยกว่าแปรงแบบอื่น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นโคนผม ช่วยให้น้ำมันบนหนังศีรษะกระจายทั่วอีกด้วย

7. กินผักผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้หม่ำผักเยอะ ๆ เช่น บร็อคโคลี่ ผักโขมและกะหล่ำปลีที่อุดมด้วยวิตามินเอ ซี อี และแคลเซียม ซึ่งช่วยระบบการย่อยและการกำจัดสารพิษรวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญสำหรับเส้นผมที่แข็งแรงและสุขภาพดี

8. เลิกใช้สเปรย์นี่อาจจะเป็นข้อที่ยากสุดสำหรับ 10 วิธีดีท็อกซ์ของเรา แต่เราขอให้คุณอยู่ห่าง ๆ กระป๋องสเปรย์แค่เดือนเดียว แล้วใช้สองมือจัดทรงปั้น ๆ ลูบ ๆ ให้ได้ทรงหรือมีวอลลุ่มอย่างที่ต้องการ แล้วก็ใช้กิ๊บดำตัวเล็ก ๆ ติดให้เข้าที่

9. ตัดผมเพื่อให้เส้นผมอยู่ในสภาพที่ดีก็ต้องหมั่นเล็มผมเป็นประจำเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแตกปลายและรักษาความสมบูรณ์ของเส้นผมไว้ อย่าลืมว่ายิ่งผมยาวเท่าไหร่ ผมก็มีโอกาสถูกทำลายมากขึ้นเท่านั้น

10. ชาตำแยเอ้า!-เชียส์ ดื่มที่ว่าคือดื่มชาเขียว เจโลบอกว่าเธอดื่มชาเขียวมาเป็นปีแล้ว ส่วน Nettel tea (ชาตำแย) ที่กำลังฮิตนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการบอกว่า พืชชนิดนี้พบในแชมพูแบบดีท็อกซ์อยู่แล้ว พอนำมาดื่มก็เลยทำความสะอาดร่างกาย ผิวและผม ด้วยการขจัดสารพิษส่วนเกินออกมา แถมยังช่วยปกป้องอันตรายจากอนุมูลอิสระ ดังนั้น หันมาดื่มชาชนิดนี้กันเถอะ เพื่อให้เส้นผมที่แห้งกร้านกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง




การดูแลเส้นผม

วิธีดูแลเส้นผม          
          1. หลีกเลี่ยงการรวบผมตึงเวลานอน หรือแม้แต่การถักเปียก็ตาม เพราะนั่นจะเป็นสาเหตุให้ผมแตกปลายและร่วงได้ง่าย

           2. หลีกเลี่ยงการยีผม เพราะจะทำให้ผมขาดได้ง่าย หรือหากจำเป็น ควรใช้สเปรย์ฉีดให้ผมแข็งตัวเล็กน้อย แล้วใช้หวีซี่ห่างยีเบา ๆ

           3. หลีกเลี่ยงการใช้หวีซี่ถี่ เพราะมันทำให้ผมคุณขาดหลุดร่วง กรณีที่ผมฟันกันยุ่งเหยิง ให้คุณใช้หวีซี่ห่างหรือแปรงจะดีกว่า

           4. การยีผมก่อนสระ จะทำให้คุณเซ็ทผมได้ง่ายกว่ายีผมหลังสระ เพราะหลังสระผมแล้วผมจะนิ่มลื่นยากต่อการยี ดังนั้นยีก่อนสระแล้วเป่าโดยไม่ต้องหวี จะทำให้ผมคุณเซ็ทได้สวย

           5. ไม่ควรใช้ผ้าขนหนูเช็ดหรือถูผมอย่างแรง เพราะจะทำให้ผมพันกันและหลุดร่วง แต่ควรปล่อยให้ผมแห้งเองโดยอาจใช้พัดลมเป่าเบา ๆ
          
           6. ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติหมักผมโดยตรงบ้าง เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ไข่ไก่ เป็นต้น โดยไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่สังเคราะห์ขึ้น เพราะวัตถุดิบจากธรรมชาติเหล่านี้จะมีสารอาหารที่ซึมซับเข้าสู่ผมได้โดยตรง และช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมได้หากหมั่นทำบ่อย ๆ

           7. ชนิดผ้าของที่นอนคุณมีส่วนทำให้ผมร่วงและแตกปลายได้ ดังนั้นควรเลือกใช้หมอนเนื้อผ้านุ่มที่จะไม่ทำให้ผมคุณร่วงติดหมอน

           8. หมั่นเล็มปลายผมอยู่บ่อย ๆ เพื่อกำจัดผมแตกปลายและกระตุ้นให้เส้นผมยาว และมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น โดยอาจเล็มปลายผมเดือนละ 2 ครั้ง

           9. ไม่ควรนอนหลับทั้ง ๆ ที่ผมยังชื้นอยู่ แต่ควรแน่ใจว่าผมแห้งสนิทแล้วค่อยนอน เพราะความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ ผมร่วงได้ง่าย

          10. ควรรวบผมหลวม ๆ เวลานอน โดยรวบขึ้นสูง เพื่อไม่ให้ผมพันกันเวลานอน หรือปล่อยให้มันคลอเคลียบ่าไปมา ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุให้ผมแตกปลายได้ง่าย
         
          11. หลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำอุ่นหากคุณเป็นคนผมค่อนข้างแห้ง เพราะการสระผมด้วยน้ำอุ่นจะยิ่งทำให้ผมแห้งเข้าไปใหญ่

          12. หลังจากว่ายน้ำในสระที่เต็มไปด้วยคลอรีน ควรสระผมจนแน่ใจว่าสะอาด เพราะอาจทำให้ผมร่วงและเสียได้